ระบบระบายน้ำแบบ Geocomposite เป็นวัสดุที่ใช้กันทั่วไปในโครงการขนาดใหญ่ ดังนั้นควรจัดเก็บอย่างไรในสถานที่ก่อสร้าง?
1. ควรเลือกสถานที่จัดเก็บในพื้นที่ที่มีภูมิประเทศสูง แห้ง และมีการระบายน้ำที่ดี เพื่อป้องกันน้ำฝนขังและทำให้ตาข่ายระบายน้ำซึม และป้องกันการนำความชื้นในระยะยาวซึ่งอาจทำให้เกิดเชื้อราและการเสียรูปของวัสดุ สถานที่ควรอยู่ห่างจากแหล่งปล่อยสารกัดกร่อน เช่น พื้นที่จัดเก็บวัตถุดิบเคมี เนื่องจากตาข่ายระบายน้ำแบบผสมทางธรณีเทคนิคอาจเสียหายจากการกัดกร่อนทางเคมี ซึ่งจะลดอายุการใช้งานและความสามารถในการระบายน้ำ
2. บรรจุภัณฑ์ของตาข่ายระบายน้ำแบบผสมต้องได้รับการปกป้องอย่างดี บรรจุภัณฑ์เดิมของผลิตภัณฑ์เมื่อออกจากโรงงานสามารถให้การปกป้องเบื้องต้นและป้องกันความเสียหายจากภายนอกระหว่างการขนส่งและการจัดเก็บ หากบรรจุภัณฑ์เดิมเสียหาย ควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ให้ทันท่วงที และสามารถเลือกใช้ฟิล์มพลาสติกที่มีคุณสมบัติกันความชื้นและกันแดดเพื่อบรรจุในบรรจุภัณฑ์รองได้
3. ในแง่ของวิธีการวางซ้อน ควรปฏิบัติตามมาตรฐานบางประการ ควรวางซ้อนตาข่ายระบายน้ำแบบจีโอคอมโพสิตอย่างเป็นระเบียบ ความสูงของแต่ละกองไม่ควรสูงเกินไป โดยทั่วไปควรควบคุมความสูงไว้ที่ 2-3 เมตร ทั้งด้านซ้ายและขวา เพื่อป้องกันไม่ให้วัสดุด้านล่างเสียรูปเนื่องจากแรงกดทับมากเกินไป นอกจากนี้ ควรเว้นระยะห่างระหว่างกองตาข่าย โดยทั่วไประยะห่าง 0.5-1 เมตร จะดีที่สุด ควรวางซ้อนตาข่ายระบายน้ำที่มีขนาดและรุ่นต่างกันแยกกัน และควรติดป้ายกำกับอย่างชัดเจนเพื่อระบุขนาด ปริมาณ และวันที่ผลิต รวมถึงข้อมูลอื่นๆ เพื่อความสะดวกในการจัดการและการเข้าถึง
4. อุณหภูมิและแสงก็มีความสำคัญเช่นกันในระหว่างการจัดเก็บ ตาข่ายระบายน้ำแบบจีโอคอมโพสิตเหมาะสำหรับการจัดเก็บที่อุณหภูมิปกติ และไม่ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน หรือในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำ อุณหภูมิสูงอาจทำให้วัสดุอ่อนตัวและเกาะติดกัน ในขณะที่อุณหภูมิต่ำอาจทำให้เปราะแตกง่าย ส่งผลต่อความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของวัสดุ แสงแดดจัดโดยตรงจะเร่งการเสื่อมสภาพของวัสดุ ดังนั้นจึงควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการบังแดดในสถานที่จัดเก็บ เช่น การสร้างกันสาดหรือคลุมด้วยตาข่ายบังแดด
5. สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือการตรวจสอบเครือข่ายระบายน้ำแบบจีโอคอมโพสิตที่จัดเก็บไว้อย่างสม่ำเสมอ ตรวจสอบว่าบรรจุภัณฑ์อยู่ในสภาพดีหรือไม่ และพื้นผิวของวัสดุเสียหาย ผิดรูป หรือมีลักษณะผิดปกติหรือไม่ หากพบปัญหา ควรดำเนินการแก้ไขอย่างทันท่วงที เช่น การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์และการแยกวัสดุที่เสียหายออก
วันที่เผยแพร่: 17 มิถุนายน 2568

